โลกตะลึง!! ประเทศไทยค้นพบยาตำรับสมุนไพรรักษาโควิด-19 ประสิทธิภาพสูง
โลกตะลึง!! ประเทศไทยค้นพบยาตำรับสมุนไพรรักษาโควิด-19 ประสิทธิภาพสูง
วันที่ 9 เมษายน 2565 เวลา 13.00 น. ณห้องจูปิเตอร์ โรงแรมมิเราเคิ่ล แกรนด์
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjKgl_nrX4SWgnL37klxjVa8rflC6CwNbYrr2FPmhOXI8-3pb65NepgUXPqggHc-hdUKjigUH7dt1_MuCEgz3BvZfwnSk8hZdoQHupC_SSAuDdzu-VJi4OpYY-havBNSDzqbVF34EdLRQuA7WkujyoMot9UAUKhhLLEhyZE8H9ht54uF24iXqudH62uWg/w640-h426/DSC_5079.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiW89uGDT6Z9qEj2l1yMbI7o7fGbGwDWgl7cglfNkE4SJ1mihfuE8VVLmpJUnMjGj7AlnRCnURkUIPBUlRAQwVJCw6QkbuM4eY4o9b4FA5JAhw8Re7NzSNZyd51JfahwdtQLqF8AsXSeGnJP_xMvZfUEpUf0AXutBCXCg5PNhT4zj-c8oD1hA5fskfTwQ/w640-h426/DSC_5108.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjcgPJUjzXUX-vQPnNmud8FEuSftJnBvKaaY-KMJ6FbA6cQqGxOr6Qprsk-PBi6VeD-E-UMUcMjk9xtMoR9Xszch7ob9hljoWmljnLFWBOKHx88wQWzk7fA48qEDT3mm-UHV2pRY7tbVCrN63ifbj45DgYSgtrG3BMcqxqV8qY9YxT28IpN7nqY2Q3Isw/w640-h426/DSC_5106.jpg)
นักวิจัย แพทย์แผนไทย
แพทย์แผนปัจจุบัน นักวิชาการ คณาจารย์
และเภสัชกรร่วมแถลงผลงานวิจัยสมุนไพรไทยและเห็ดยา ต้านโควิด 19 และถ่ายทอดบทเรียนการใช้ยาตำรับสมุนไพรเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดและรักษาผู้ป่วยให้ปลอดภัย
รศ.ดร.เกียรติทวี ชูวงศ์โกมล ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า
ได้ทำการทดสอบวิจัยตำรับยาสมุนไพรเคอร่าจนเสร็จสิ้น
และได้ส่งผลงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติ ในหัวข้อเรื่อง KERRA, mixed medicinal plant extracts,
inhibits SARS-CoV-2 targets enzymes and Feline
corona virus. โดยพบว่าสารสกัดของสมุนไพรตำรับเคอร่า
KERRA นั้นมีฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ขยายตัวของไวรัสโควิด
19 ถึงสองกลไก
ซึ่งตามปกติแล้วยาต้านไวรัสทั่วไป จะมีฤทธิ์ยับยั้งเพียงกลไกเดียวเท่านั้น คือ main
protease และ
RdRp (RNA-dependent RNA polymerase) โดยมีค่า IC50
คือค่าความเข้มข้นที่
50% ของการยับยั้ง main
protease ที่
49.91 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร โดยเมื่อเทียบกับยาต้านไวรัส Lopninavir
และ Ritronavir
นั้น
สารสกัดเคอร่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าถึง 1543 เท่า และ 468
เท่าตามลำดับ
และเมื่อเทียบกับสารสกัดฟ้าทะลายโจรนั้น พบว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าประมาณ 650 เท่า ส่วนค่าความเข้มข้นที่ 50%
ของการยับยั้งเอนไซม์ RdRp
ที่ 36.23ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร
โดยที่ความเข้มข้น 100 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตรเท่ากันนั้น
สารสกัดเคอร่ามีประสิทธิภาพในการยับยั้งเอนไซม์ RdRp
สูงกว่ายาฟาวิพิราเวียร์ประมาณ
371% รวมทั้งมีฤทธิ์ยับยั้งการอักเสบที่ดีเมื่อเทียบกับเพร็ดนิโซโลน
หรือไดโคลฟีแนค
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhr7f7uQCRY6LcK3l23BP3HddxZEoUzJNunjaFrFamGAP4LYBFA_yuiG0mBTrMq4Aq_RIJoleygnq_Vd-2WrRkTsysmVC60j88GXTR2PIydUkS9h5NeHnfQI9qaR8biDKIcwuurHADRPM9fa3l-x_0pYTGZe7W114B0TPSCbuh7--JeJgVdK8F96szhuQ/w640-h426/DSC_5080.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjDbe6l2w1V53nF6zY5VLEF0RADAE8hCT9OgyGmX81oBmYGS7qTtFO6c4SmF9wrKo5dAbuT4QBamdMFIEXzbfpqRHq_L8PxD5MWN5wwxG3hQJtUiMlgHLGzpddHvVeUbH6iGDpk8NlLyDoNU3Qp0SLwCvBMYxRzCLJAnaJ_tXvzE1iar8NR5NlC-BAMJw/w640-h426/DSC_5087.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgNM1p6xHZiNtF9CpPj0Y9Fp1qDGIjiT-TcBKsfA0OYcnN7BH6dt97grKRiyX79rFN1jGAFC4Na25zkG3BWBa7xRRB_9Q4bB5ES1OHrzgfmpiaPmcPt03JO5jRtRYk_XMqhCyeO0LSFRo9-JtaQS4hHXR7Fz6ULfwhJkklEflfVKdTfszO4EX7EvOE70A/w640-h426/DSC_5092.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi947YvQSldJJatiBPbwbHaNcaW_VwRmilrpiAjjFM3UFSsbxqyzbgR62opPnR5bh373BTpA7fmzzU-iK4yCMhi1ON1UtFVgY5Z24wrOOarD9upgxm8dKBIVPmNhyY5ouQUX5OO4WH7jGsAUZUX7h2l2I2QPYeLpMYpKhGOwv2z7C48h4K6dSR9-kt12w/w640-h426/DSC_5091.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjqiahsCf36YI7d5KqpJ2kIqLmZqLFM7DfQ7jubo87qCj9mps6pKY6TNlasTcvUf6DeKs2iR02IxKAmUM09TXC8ds2gU1znkl3MR5nwCicD5MYo_IPHeBaqjQLCwfpmMP8CSjBvweM9RWNa5w9EjHzQfWul1Mnh17aByJLaVq60GXl7qp5-G-loYSB8IQ/w640-h426/DSC_5093.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgMjegsP2nMfBfY4YZcja0W3Px2abc_FE3IEBz8ZGmqpKHueYSy55PJMIZt-UfdEEgqCNuSrw4v3EyQ3XzZ1w1j1RluOi5sHqBjS8d5wa9v5G9Y6XuzGH9qseSjFT2rcteeMgQbkiJkCQ7-a-VI9w4wk94eecylFuMBHlCnI_KLnAo1k3SHC_G7HEPXhA/w640-h426/DSC_5094.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitkZ9SwU6rzwhQ_oij-4da33lAva_q8LvdOlnYHAGEKblnIP4TdH7d-7M5Lnc_aY0wKsL1lL4p56C22alMYr8ARsnQsnb6rb2xMyTIh7z6yuOh7VBuhPT8CK5lvmeXUEWW3xFFpmj7IEXq_LCZkAD6TypvLcYIQjzmR1onqipMJYLGUKkULF7dEzoMzQ/w640-h426/DSC_5095.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjqseJajivMRihbE-rvnKA_SWQ_qDCxlq8i1l52P56SCosGhkk702fhYwBJbXKUA0wCi3aPNH1S1nBT1zNu8VzR1hUpA2TFS_iOrBFpKt5fVQRj2moe9FHM5do2SRhdHqn2h285x_waA9lSnvVXcqTMphwVN7n964ybD-MEzW89piyatJgthrTVmbTW7w/w640-h426/DSC_5096.jpg)
นพ.รังสรรค์ บุตรชา
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาธิปัตย์
ได้กล่าวถึงผลการวิจัยโดยการเก็บข้อมูลแบบย้อนหลัง (Retrospective)
ในคนไข้จำนวน 2,476
ราย
ของโรงพยาบาลประชาธิปัตย์และองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี
ในจำนวนนี้มีผู้สูงอายุเกิน 60 ปี จำนวน 200
ราย คิดเป็นร้อยละ 8 มีผู้มีโรคประจำตัว เช่น
เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไธรอยด์ เก๊าต์ ไวรัสตับอักเสบ เกล็ดเลือดต่ำ ภูมิแพ้
หอบหืด วัณโรค ธาลัสซีเมีย เป็นต้น จำนวน 461 ราย คิดเป็นร้อยละ 22
มีเด็กอายุต่ำกว่า 18
ปี จำนวน 333
ราย คิดเป็นร้อยละ 13.5 พบว่า ในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดคิดเป็นร้อยละ 67
หายป่วยภายใน 7 วัน, หายป่วยภายใน 10
วันคิดเป็นร้อยละ 88
หายป่วยภายใน 30
วัน ร้อยละ 99.92
ส่วนที่หายเกินกว่า 30
วัน
หรือมีภาวะลองโควิดคิดเป็นร้อยละ 0.08 โดยไม่พบผู้มีอาการลุกลาม
ที่ต้องใช้ ท่อช่วยหายใจ ต้องเข้ารับการรักษาในไอซียู
หรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
ส่วนผลข้างเคียงในการใช้ยาพบว่าร้อยละ
99.68 ไม่พบผลข้างเคียง มีรายงานพบมีอาการคล้ายท้องเสีย จำนวน 6 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.002 ซึ่งอาการจะหายเมื่อหยุดยา ไม่มีรายงานความเป็นพิษต่อตับและไตหรือผลข้างเคียงร้ายแรงอื่น
ซึ่งผู้ป่วยร้อยละ 99.68 รายงานว่าอาการดีขึ้นและหายเป็นปกติหลังได้รับยา
ด้าน ดร.ภก.พยงค์ เทพอักษร หัวหน้าศูนย์วิจัยชีวอนามัยตรัง
วิทยาลัยสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดตรัง และประธานอนุกรรมการด้านวิจัยและบริการวิชาการคณะสาธารณสุขศาสตร์และสหเวชศาสตร์
สถาบันพระบรมราชชนก เปิดเผยถึงข้อมูลที่ได้ทำการทบทวนงานวิจัย
เปรียบเทียบประสิทธิภาพการรักษาของยาชนิดต่างๆที่ใช้รักษาโรคโควิด 19 เช่น ฟาวิพิราเวียร์, ไอเวอร์เมคติน, คอร์ติโคเสตอรอยด์, โมลนูพิราเวียร์, ริโทรนาเวียร์ ฯลฯ. พบว่ายาตำรับสมุนไพรเคอร่า
นั้นมีประสิทธิภาพในการยับยั้งเอนไซม์การขยายตัวของไวรัสโควิด 19 ที่ดีกว่ายาแผนปัจจุบันหลายชนิดเมื่อเปรียบเทียบผลจากหลอดทดลอง
อีกทั้งผลการวิจัยทางคลินิคในกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ จำนวน 2,476 รายนั้น ทุกรายหายเป็นปกติโดยไม่พบผู้เสียชีวิตหรือมีอาการลุกลามหลังได้รับยา
จึงถือเป็นทางเลือกสำหรับประชาชนและภาครัฐ
ในการนำมาใช้แก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด 19 ต่อไป
ดร.สุวรรณี สร้อยสงค์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี
พุทธชินราช ได้ทำการสัมภาษณ์ถอดบทเรียนของผู้นำชุมชนและหน่วยราชการหลายหน่วยงาน
เช่น ชุมชนคลองเตย, ชุมชนทุ่งสองห้อง, อบต.คลองใหญ่ จ.นครนายก, รพ.สต.คลองใหญ่ จ.นครนายก, ชุมชนริมทางด่วนบางนา, ชุมชนเคหะลำลูกกา, อบจ.สมุทรสงคราม, มูลนิธิเด็กและเยาวชน, กลุ่มสายไหมต้องรอด, ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจกลาง, ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค
6 (นครสวรรค์) , ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 5 (ลำปาง) ฯลฯ.พบว่า
หลังจากการใช้ยาเคอร่าเข้าไปในหน่วยงานหรือชุมชนนั้น
ทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายของเชื้อได้ดี
รวมทั้งมีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยทำให้อาการไม่ลุกลามและหายเป็นปกติโดยไม่ต้องพึ่งพาการรักษาในระบบ
ดร.ภัทร์ หนังสือ แพทย์แผนไทย ผู้อำนวยการสถาบันแพทย์แผนไทยใหม่ เปิดเผยว่า" ยาเคอร่า" เป็นยาสมุนไพร 100% ได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาแผนโบราณ จากกระทรวงสาธารณสุข ทะเบียนยาเลขที่ G40/57 เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรขายทั่วไป ผลิตตามมาตรฐาน GMP, HALAL โดยเวชกรโอสถ
ถ่ายภาพและรายงานข่าว โดย เปี๊ยก อิสระ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น