วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2565

โลกตะลึง!! ประเทศไทยค้นพบยาตำรับสมุนไพรรักษาโควิด-19 ประสิทธิภาพสูง


 โลกตะลึง!!  ประเทศไทยค้นพบยาตำรับสมุนไพรรักษาโควิด-19 ประสิทธิภาพสูง

           วันที่ 9 เมษายน 2565 เวลา 13.00 .  ณห้องจูปิเตอร์ โรงแรมมิเราเคิ่ล แกรนด์

 




             นักวิจัย แพทย์แผนไทย แพทย์แผนปัจจุบัน นักวิชาการ คณาจารย์ และเภสัชกรร่วมแถลงผลงานวิจัยสมุนไพรไทยและเห็ดยา ต้านโควิด 19 และถ่ายทอดบทเรียนการใช้ยาตำรับสมุนไพรเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดและรักษาผู้ป่วยให้ปลอดภัย
            รศ.ดร.เกียรติทวี ชูวงศ์โกมล ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า ได้ทำการทดสอบวิจัยตำรับยาสมุนไพรเคอร่าจนเสร็จสิ้น และได้ส่งผลงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติ ในหัวข้อเรื่อง  KERRA, mixed medicinal plant extracts, inhibits SARS-CoV-2 targets enzymes and Feline corona virus. โดยพบว่าสารสกัดของสมุนไพรตำรับเคอร่า KERRA นั้นมีฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ขยายตัวของไวรัสโควิด 19 ถึงสองกลไก ซึ่งตามปกติแล้วยาต้านไวรัสทั่วไป จะมีฤทธิ์ยับยั้งเพียงกลไกเดียวเท่านั้น  คือ main protease และ RdRp (RNA-dependent RNA polymerase) โดยมีค่า IC50 คือค่าความเข้มข้นที่ 50% ของการยับยั้ง main protease ที่ 49.91 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร โดยเมื่อเทียบกับยาต้านไวรัส Lopninavir และ Ritronavir นั้น สารสกัดเคอร่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าถึง 1543 เท่า และ 468 เท่าตามลำดับ และเมื่อเทียบกับสารสกัดฟ้าทะลายโจรนั้น พบว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าประมาณ  650 เท่า   ส่วนค่าความเข้มข้นที่ 50% ของการยับยั้งเอนไซม์ RdRp ที่ 36.23ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร โดยที่ความเข้มข้น 100 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตรเท่ากันนั้น สารสกัดเคอร่ามีประสิทธิภาพในการยับยั้งเอนไซม์ RdRp สูงกว่ายาฟาวิพิราเวียร์ประมาณ 371% รวมทั้งมีฤทธิ์ยับยั้งการอักเสบที่ดีเมื่อเทียบกับเพร็ดนิโซโลน หรือไดโคลฟีแนค








          

       นพ.รังสรรค์ บุตรชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงผลการวิจัยโดยการเก็บข้อมูลแบบย้อนหลัง (Retrospective) ในคนไข้จำนวน 2,476 ราย ของโรงพยาบาลประชาธิปัตย์และองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ในจำนวนนี้มีผู้สูงอายุเกิน 60 ปี จำนวน 200 ราย คิดเป็นร้อยละ 8 มีผู้มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไธรอยด์ เก๊าต์ ไวรัสตับอักเสบ เกล็ดเลือดต่ำ ภูมิแพ้ หอบหืด วัณโรค ธาลัสซีเมีย เป็นต้น จำนวน 461 ราย  คิดเป็นร้อยละ 22 มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 333 ราย คิดเป็นร้อยละ 13.5  พบว่า ในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดคิดเป็นร้อยละ 67 หายป่วยภายใน 7 วัน, หายป่วยภายใน 10 วันคิดเป็นร้อยละ 88 หายป่วยภายใน 30 วัน ร้อยละ 99.92 ส่วนที่หายเกินกว่า 30 วัน หรือมีภาวะลองโควิดคิดเป็นร้อยละ 0.08 โดยไม่พบผู้มีอาการลุกลาม ที่ต้องใช้ ท่อช่วยหายใจ ต้องเข้ารับการรักษาในไอซียู หรือเสียชีวิตแต่อย่างใด 
                   ส่วนผลข้างเคียงในการใช้ยาพบว่าร้อยละ 99.68 ไม่พบผลข้างเคียง มีรายงานพบมีอาการคล้ายท้องเสีย จำนวน 6 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.002  ซึ่งอาการจะหายเมื่อหยุดยา ไม่มีรายงานความเป็นพิษต่อตับและไตหรือผลข้างเคียงร้ายแรงอื่น ซึ่งผู้ป่วยร้อยละ 99.68 รายงานว่าอาการดีขึ้นและหายเป็นปกติหลังได้รับยา 













           ด้าน ดร.ภก.พยงค์ เทพอักษร หัวหน้าศูนย์วิจัยชีวอนามัยตรัง วิทยาลัยสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดตรัง และประธานอนุกรรมการด้านวิจัยและบริการวิชาการคณะสาธารณสุขศาสตร์และสหเวชศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก เปิดเผยถึงข้อมูลที่ได้ทำการทบทวนงานวิจัย เปรียบเทียบประสิทธิภาพการรักษาของยาชนิดต่างๆที่ใช้รักษาโรคโควิด 19 เช่น ฟาวิพิราเวียร์, ไอเวอร์เมคติน, คอร์ติโคเสตอรอยด์, โมลนูพิราเวียร์, ริโทรนาเวียร์ ฯลฯ. พบว่ายาตำรับสมุนไพรเคอร่า นั้นมีประสิทธิภาพในการยับยั้งเอนไซม์การขยายตัวของไวรัสโควิด 19 ที่ดีกว่ายาแผนปัจจุบันหลายชนิดเมื่อเปรียบเทียบผลจากหลอดทดลอง  อีกทั้งผลการวิจัยทางคลินิคในกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ จำนวน 2,476 รายนั้น ทุกรายหายเป็นปกติโดยไม่พบผู้เสียชีวิตหรือมีอาการลุกลามหลังได้รับยา จึงถือเป็นทางเลือกสำหรับประชาชนและภาครัฐ ในการนำมาใช้แก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด 19 ต่อไป
         ดร.สุวรรณี สร้อยสงค์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พุทธชินราช ได้ทำการสัมภาษณ์ถอดบทเรียนของผู้นำชุมชนและหน่วยราชการหลายหน่วยงาน เช่น ชุมชนคลองเตย, ชุมชนทุ่งสองห้อง, อบต.คลองใหญ่ จ.นครนายก, รพ.สต.คลองใหญ่ จ.นครนายก, ชุมชนริมทางด่วนบางนา, ชุมชนเคหะลำลูกกา, อบจ.สมุทรสงคราม, มูลนิธิเด็กและเยาวชน, กลุ่มสายไหมต้องรอด, ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจกลาง, ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 6 (นครสวรรค์) , ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 5 (ลำปาง) ฯลฯ.พบว่า หลังจากการใช้ยาเคอร่าเข้าไปในหน่วยงานหรือชุมชนนั้น ทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายของเชื้อได้ดี รวมทั้งมีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยทำให้อาการไม่ลุกลามและหายเป็นปกติโดยไม่ต้องพึ่งพาการรักษาในระบบ





                ดร.ภัทร์ หนังสือ แพทย์แผนไทย ผู้อำนวยการสถาบันแพทย์แผนไทยใหม่ เปิดเผยว่า" ยาเคอร่า" เป็นยาสมุนไพร 100% ได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาแผนโบราณ จากกระทรวงสาธารณสุข ทะเบียนยาเลขที่ G40/57 เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรขายทั่วไป ผลิตตามมาตรฐาน GMP, HALAL โดยเวชกรโอสถ 


ถ่ายภาพและรายงานข่าว โดย เปี๊ยก อิสระ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น